จริงๆ การพัฒนาละครไทย ไม่ใช่การพยายามจะเหมือนเกาหลี หรือ ตะวันตก
แต่นำจุดแข็งความเป็นไทย มาพัฒนา
มีโอกาสได้ดูละครเรื่องเพชรกลางไฟ
ซึ่งนำเสนอปัญหาที่ไม่ได้ตื้นแต่ไม่ได้หนักจนเลือดกระจาย
มานับดูอีกที ก็ดูไปหลายคลิป
เรื่องราวน่าจะเกิดขึ้นในยุคต้นรัชกาล 7
เริ่มจะมีการสมคบคิดยึดอำนาจ อำนาจของเชื้อพระวงศ์ถูกท้าทาย
แต่ขณะเดียวกัน ขนบการสอนในชนชั้นผู้ดี หรือ ชนชั้นปกครอง
ก็ยังเป็นสิ่งที่จะต้องสืบทอด ซึ่งเป็นการวางตัว คุมอารมณ์ กิริยา ที่เหนือกว่าคนทั่วไป
เป็นคนเหนือคน จึงจะคุมคนได้ หรือ ได้รับการนับถือ
เป็นกุศโลบาย ที่ไม่ต้องใช้อำนาจตะคอกให้ใครเคารพ
แต่ได้รับเกียรติ เพราะประพฤติอย่างมีเกียรติ
สูตรรักข้ามชนชั้น ถูกนำเสนอในบรรยากาศประวัติศาสตร์สังคมไทย
และแฝงคำสอนว่า สูงต่ำ ไม่ใช่ได้มาจากชาติกำเนิดเท่านั้น
แต่มาจากบุคคลนั้นใฝ่ศึกษาพัฒนาตนเอง ก็ย่อมมีโอกาสในหน้าที่การงาน
และสานสัมพันธ์ในสังคมที่ดี
ในเรื่องนี้ พระ-นาง สามารถแบกเรื่องไหว
ทั้งรูปลักษณ์และฝีมือการแสดง โดยเฉพาะการใช้สายตาของนางเอก
ซึ่งต้องคุมโทน ให้ดูน้อยแต่มาก
บทโทรทัศน์โดยเอกลิขิต บทประพันธ์ ว วินิจฉัยกุล
เรื่องราวดูฟิน ไม่น่ากลัว แต่ปัญหาที่ตัวละครเผชิญก็กดดันพอ
ที่จะทำให้เห็นค่าของการรอคอย และเพิ่มศรัทธาในความดี
ตัวละครพ่อแม่ และคนรับใช้ คือ เสน่ห์ของความสัมพันธ์แบบไทยๆ
อาจจะมีข้อเสียอยู่บ้าง ตรงที่ดราม่าฝั่งนางร้ายชัดเกินไป
อยากให้ร้ายลึกแนบเนียนในพื้นที่สาธารณะ เพราะเขามาจากสังคมผู้ดี
ด้วยความที่ไม่ได้เครียด หรือ เขย่าขวัญ
ไม่ใช่หนังแอคชั่น อาชญากรรม ผี แต่คือละครรัก ที่ให้ความงามทางความคิด
ทั้งหมดภาพรวม พ้นจากความ ตื้นเขิน และสามารถที่จะดึงจุดเด่นอารมณ์ดีแบบไทยๆ
ในจังหวะการเล่าที่ช้า ละมุน เช่นเดียวกับ สะใภ้เจ้า ในเวอร์ชั่นวิคกี้
บางที ความบันเทิง อาจหมายถึง การได้พักสมอง ได้ประสพการณ์
ได้รับความสุขสงบ และสร้างกำลังใจที่จะยึดมั่นเดินในทางที่ดีสำหรับวันต่อไป
หวังว่า ละครพาฝัน อบอุ่นแบบไทยๆ เช่น งานกำกับของชูศักดิ์ สุธีธรรม
อดุลย์ บุญบุตร จะถูกนำมาสร้างสรรค์ด้วยอารยธรรมแห่งสุนทรียะให้ชาวโลกรับรู้
ยิ่งยุคนี้ ชุดไทยฟีเวอร์ สำหรับชาวต่างชาติเสียด้วย
"เพชรกลางไฟ" เสน่ห์ละครแบบไทยๆ
แต่นำจุดแข็งความเป็นไทย มาพัฒนา
มีโอกาสได้ดูละครเรื่องเพชรกลางไฟ
ซึ่งนำเสนอปัญหาที่ไม่ได้ตื้นแต่ไม่ได้หนักจนเลือดกระจาย
มานับดูอีกที ก็ดูไปหลายคลิป
เรื่องราวน่าจะเกิดขึ้นในยุคต้นรัชกาล 7
เริ่มจะมีการสมคบคิดยึดอำนาจ อำนาจของเชื้อพระวงศ์ถูกท้าทาย
แต่ขณะเดียวกัน ขนบการสอนในชนชั้นผู้ดี หรือ ชนชั้นปกครอง
ก็ยังเป็นสิ่งที่จะต้องสืบทอด ซึ่งเป็นการวางตัว คุมอารมณ์ กิริยา ที่เหนือกว่าคนทั่วไป
เป็นคนเหนือคน จึงจะคุมคนได้ หรือ ได้รับการนับถือ
เป็นกุศโลบาย ที่ไม่ต้องใช้อำนาจตะคอกให้ใครเคารพ
แต่ได้รับเกียรติ เพราะประพฤติอย่างมีเกียรติ
สูตรรักข้ามชนชั้น ถูกนำเสนอในบรรยากาศประวัติศาสตร์สังคมไทย
และแฝงคำสอนว่า สูงต่ำ ไม่ใช่ได้มาจากชาติกำเนิดเท่านั้น
แต่มาจากบุคคลนั้นใฝ่ศึกษาพัฒนาตนเอง ก็ย่อมมีโอกาสในหน้าที่การงาน
และสานสัมพันธ์ในสังคมที่ดี
ในเรื่องนี้ พระ-นาง สามารถแบกเรื่องไหว
ทั้งรูปลักษณ์และฝีมือการแสดง โดยเฉพาะการใช้สายตาของนางเอก
ซึ่งต้องคุมโทน ให้ดูน้อยแต่มาก
บทโทรทัศน์โดยเอกลิขิต บทประพันธ์ ว วินิจฉัยกุล
เรื่องราวดูฟิน ไม่น่ากลัว แต่ปัญหาที่ตัวละครเผชิญก็กดดันพอ
ที่จะทำให้เห็นค่าของการรอคอย และเพิ่มศรัทธาในความดี
ตัวละครพ่อแม่ และคนรับใช้ คือ เสน่ห์ของความสัมพันธ์แบบไทยๆ
อาจจะมีข้อเสียอยู่บ้าง ตรงที่ดราม่าฝั่งนางร้ายชัดเกินไป
อยากให้ร้ายลึกแนบเนียนในพื้นที่สาธารณะ เพราะเขามาจากสังคมผู้ดี
ด้วยความที่ไม่ได้เครียด หรือ เขย่าขวัญ
ไม่ใช่หนังแอคชั่น อาชญากรรม ผี แต่คือละครรัก ที่ให้ความงามทางความคิด
ทั้งหมดภาพรวม พ้นจากความ ตื้นเขิน และสามารถที่จะดึงจุดเด่นอารมณ์ดีแบบไทยๆ
ในจังหวะการเล่าที่ช้า ละมุน เช่นเดียวกับ สะใภ้เจ้า ในเวอร์ชั่นวิคกี้
บางที ความบันเทิง อาจหมายถึง การได้พักสมอง ได้ประสพการณ์
ได้รับความสุขสงบ และสร้างกำลังใจที่จะยึดมั่นเดินในทางที่ดีสำหรับวันต่อไป
หวังว่า ละครพาฝัน อบอุ่นแบบไทยๆ เช่น งานกำกับของชูศักดิ์ สุธีธรรม
อดุลย์ บุญบุตร จะถูกนำมาสร้างสรรค์ด้วยอารยธรรมแห่งสุนทรียะให้ชาวโลกรับรู้
ยิ่งยุคนี้ ชุดไทยฟีเวอร์ สำหรับชาวต่างชาติเสียด้วย